สลายไขมัน

รวมข้อมูล การฉีดสลายไขมัน คืออะไร อันตรายไหม ฉีดที่ไหนปลอดภัย เห็นผล

มีวิธีไหนบ้าง ?

สลายไขมัน

ใครที่มีใบหน้าอ้วนกลม หรือมีรูปร่างอ้วน อาจรู้สึกเสียความมั่นใจ และกำลังหาวิธีที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินออกโดยเร็ว ซึ่งวิธีหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงค่อนข้างมาก และได้รับความนิยม คือ “การฉีดสลายไขมัน”
 
“ฉีดสลายไขมัน” คืออะไร สามารถลดสัดส่วนให้ผอมลงเร็วทันใจได้จริงไหม นิยมฉีดตำแหน่งใดบ้าง เป็นอันตรายหรือมีข้อควรระวังหรือไม่? ในบทความนี้หมอได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฉีดสลายไขมันมาแนะนำ ใครสนใจวิธีนี้ ควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจฉีดที่ไหนค่ะ

ฉีดสลายไขมัน คืออะไร ?

การฉีดสลายไขมัน คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ในร่างกาย ด้วยการฉีดสารตัวยาเข้าไปในชั้นไขมัน เพื่อไปสลายไขมันส่วนเกิน หลังฉีดจะช่วยให่ไขมันแตกตัว หรือสลายตัว จากนั้นไขมันที่แตกตัวจะค่อย ๆ ถูกขับออกทางระบบขับถ่าย เช่น ทางปัสสาวะ เหงื่อ ทำให้ไขมันบริเวณที่ฉีดลดลง โดยตัวยาที่ใช้จะมีสารออกฤทธิ์หลักๆ คือ
 
  • Artichoke extract (Cynara scolymus) ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์ coenzyme ในกระบวนการ anabolism ลดเนื้อเยื่อไขมัน ลดการสังเคราะห์กรดไขมัน จึงสามารถลดไขมันส่วนเกินได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น ฉีดลดแก้ม หรือฉีดลดเซลลูไลท์
  • Mesostabyl (Polyunsaturated phosphatidylcholine) ตัวยานี้จะกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ lipase, ลดการสร้าง triglyceride ยับยั้งการสร้าง Cholesterol ในเนื้อเยื่อ
  • L-carnitine ช่วยทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น และยังเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน (fat burn)ได้อีกด้วย
  • Triglyceride ช่วยเพิ่มการย่อยสลาย triglyceride
  • Tyrosine เพิ่ม fat metabolism ทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลง และถูกขับออก
  • Aesculus hippocastanum (horse chestnut) ลดการบวมน้ำ
  • Juglans regia (Walnut) เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพิ่มการเผาผลาญ ลดอาการบวมน้ำ
  • Nicotiana tabacum กระตุ้น catecholamine ทำให้เกิด lipolysis
 

ฉีดสลายไขมัน อันตรายไหม ?

การฉีดสลายไขมันด้วยตัวยาที่มีคุณภาพ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด และใช้อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่สะอาดปลอดเชื้อ ไม่อันตราย จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยครับ
 
แต่ถ้าเผลอฉีดตัวยากลุ่มสารสเตียรอยด์ จากคลินิกเถื่อนที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือในเคสที่ซื้อตัวยาจากอินเตอร์เน็ตมาฉีดเอง ในส่วนนี้มักพบส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ใช้สำหรับรักษาโรคที่มีการอักเสบภายในร่างกาย แต่ยาชนิดนี้จะมีฤทธิ์ข้างเคียงทำให้ไขมันฝ่อและสลายตัวไปได้ ทำให้มีการแอบเอาตัวยานี้มาใช้เป็นส่วนประกอบ เพื่อให้เห็นผลเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ยาที่ผิดวัตถุประสงค์ค่ะ
 
ข้อสำคัญคือ การฉีดสารสเตียรอยด์เพื่อสลายไขมัน ต้องใช้ปริมาณยาที่มาก จึงเห็นผลว่าไขมันลดลง หมายความว่าจะมีสารสเตียรอยด์เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากด้วยครับ ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือน เช่น ทำให้เกิดผิวหนังบุ๋ม เกิดการติดเชื้อ หรือมีการบวมน้ำตามร่างกายได้ค่ะ

ฉีดสลายไขมัน ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

การฉีดสลายไขมันได้หลายจุดครับ ที่นิยมคือการฉีดลดไขมันหน้า ฉีดสลายไขมันแก้ม ใต้คาง เหนียง จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น และจุดอื่น ๆ ที่สามารถฉีดสลายไขมันได้เช่นกัน ได้แก่ ต้นแขน ต้นขา น่อง ปีกรักแร้ สะโพก หน้าท้อง เป็นต้น
  • ฉีดสลายไขมันบริเวณใบหน้า จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินบนใบหน้า มีแก้ม แก้มยุ้ย แก้มป่อง ที่อยากให้ใบหน้าเรียว มีกรอบหน้าชัดขึ้น
  • ฉีดสลายไขมันบริเวณลำตัว เหมาะกับผู้ที่ไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ที่บางคนพยายาม ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก แต่ยังมีไขมันเฉพาะจุดอยู่ เช่น ต้นแขน ต้นขา ปีกรักแร้ สะโพก หน้าท้อง ตามที่กล่าวมา ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับการฉีดโบท็อกได้ครับ เพื่อช่วยลดทั้งไขมันและกล้ามเนื้อ ทำให้รูปหน้าและรูปร่างเพรียว ดูเฟิร์มได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ฉีดสลายไขมันบนหน้าและตัว ต่างกันหรือไม่ ?

การฉีดจะแตกต่างกันที่ปริมาณของตัวยาที่ใช้ บริเวณที่ฉีด และสูตรที่เหมาะสม บางบริเวณที่ฉีดก็อาจจะเหมาะกับตัวยาบางชนิด ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณมากก็สามารถสลายได้ครับ ต้องให้แพทย์ผู้ฉีดประเมินถึงจะทราบแน่ชัดว่าเหมาะสูตรใด ใช้ปริมาณยาเท่าไหร่ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละเคสค่ะ

ข้อดี-ข้อเสีย ฉีดสลายไขมันมีอะไรบ้าง ?

  • ข้อดี เห็นผลไว ในช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถสลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว ช่วยสลายเซลลูไลท์ ขจัดไขมันส่วนเกิน ทั้งบริเวณใบหน้าและอวัยวะอื่น ๆ ให้ได้สัดส่วนที่ต้องการอย่างรวดเร็ว เหมาะกับคนที่มีไขมันเฉพาะจุด ลดยาก ไม่อยากผ่าตัด และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ตัวยาบวมช้ำน้อย (อาจบวมเป็นปริมาณยาได้ ใน 3 – 4 ชั่วโมงแรก) นอกจากนี้ราคาการฉีดสลายไขมันยังไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับกำจัดไขมัน หรือสลายไขมันส่วนเกิน
  • ข้อเสีย ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลได้ทันที เหมือนการดูดไขมัน ซึ่งการฉีดสลายไขมันก็ไม่เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันมาก ๆ ด้วยครับ ในบางเคสอาจต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลที่ชัดเจน ทั้งนี้ผลลัพธ์ของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน สภาพผิว พันธุกรรม รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำการฉีดสลายไขมันของคนไข้ด้วย
  • ข้อควรระวัง ปัจจุบันยังมีตัวยาฉีดสลายไขมันหลายตัว ที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศไทย และยังไม่มีผลวิจัยใด ๆ รับรองว่าสารเหล่านั้นจะสามารถสลายไขมันให้ร่างกายได้จริง เพื่อความปลอดภัยควรเลือกคลินิกฉีดสลายไขมันที่ได้มาตรฐาน

ข้อห้ามในการฉีดสลายไขมัน

การฉีดสลายไขมันส่วนเกินอาจไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม เช่น
  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้เป็นเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
  • ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือด
  • ผู้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
  • ผู้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
  • ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน เป็นต้น
เพื่อความปลอดภัย ในเคสที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าโรคใดก็ตาม ที่หมออาจจะไม่ได้กล่าวถึง แนะนำให้แจ้งให้ทราบทั้งหมดครับ เพื่อประเมินว่าเหมาะสมกับการฉีดสลายไขมันหรือไม่

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดสลายไขมัน

  1. หลังฉีดสลายไขมัน ไม่ว่าจะบริเวณใบหน้า หรือลำตัว ไม่ควรกดหรือนวดในบริเวณที่ฉีดครับ ควรปล่อยให้ ตัวยาค่อย ๆ ซึมยุบไปเอง
  2. แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้ไขมันถูกขับออกจากร่างกายได้มากขึ้น
  3. เปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เพื่อไม่ให้ไขมันกลับมาอีก
  4. หลังฉีดสลายไขมันควรหลีกเลี่ยงการอบซาวน่า นวดหน้า หรือทำเลเซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  5. หลังฉีดสลายไขมันควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

ฉีดสลายไขมันกี่วันเห็นผล ?

หลังจากฉีดสลายไขมัน สามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก ไขมันเริ่มสลายตัว 10-15% และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ครับ ทั้งนี้การฉีดสลายไขมัน โดยเฉพาะบริเวณลำตัว ที่มีปริมาณไขมันมาก หรือบริเวณหน้าท้อง จะต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง และผลลัพธ์ยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารร่วมด้วย
 
ใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น แนะนำดูแลตัวเองร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดสลายไขมัน

หลังฉีดสลายไขมันจะมีอาการบวมจากปริมาณตัวยาที่ฉีดเข้าไป ซึ่งตัวยาจะซึมยุบไปเองประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลครับ ไม่ปวด ไม่อักเสบ อาจจะมีอาการบวมเข็มได้เล็กน้อยเป็นปกติ

สรุป

การฉีดสลายไขมันเป็นวิธีลดไขมันเฉพาะจุดที่ช่วยสลายไขมันได้รวดเร็วครับ แต่การฉีดสลายไขมันให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ต้องใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีการคำนวณปริมาณตัวยาที่เหมาะสม ที่สำคัญคือต้องอยู่ภายใต้ความสะอาด ปลอดเชื้อ ในคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ

เมโสแฟต (Meso Fat)

เมโสแฟต (Meso Fat) รวบครบทุกข้อมูลการฉีดเมโสแฟต

มีวิธีไหนบ้าง ?

เมโสแฟต (Meso Fat)

ไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและรูปร่างแทบจะเป็นปัญหาด้านความงามอันดับต้นๆ ที่ใครหลายคนอยากกำจัดออก โดยอาจผ่านวิธีการคุมอาหาร ออกกำลังกาย กินยาลดน้ำหนัก หรือดูดไขมัน แต่ในบางครั้งวิธีเหล่านี้ก็ไม่ได้ผลและไม่ทันใจผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันออกแบบเร่งด่วน
 
การฉีดเมโสแฟตจึงเป็นอีกวิธีกำจัดไขมันที่หลายคนเลือกใช้ เพราะมีทั้งจุดเด่นด้านการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และยังเลือกบริเวณที่จะฉีดได้อย่างหลากหลาย
 
ทางกังนัมคลินิก ซึ่งเป็นคลินิกเสริมความงามจากประเทศเกาหลีใต้ก็ได้เปิดให้บริการฉีดเมโสแฟตเช่นเดียวกัน เพื่อคลายความกังวลและไม่มั่นใจในไขมันส่วนเกินที่ให้รูปใบหน้าและรูปร่างของผู้เข้ารับบริการดูไม่กระชับ

เมโสแฟตคืออะไร? ฉีดบริเวณใดได้บ้าง?

เมโสแฟต (Meso Fat) คือ ตัวยาลดไขมันส่วนเกินเพื่อกระชับสัดส่วนที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยประกอบไปด้วยสารยาที่มีคุณสมบัติเร่งการเผาผลาญไขมัน รวมถึงช่วยลดกระบวนการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ ได้แก่
 
  • แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนเซลล์ไขมันให้กลายเป็นพลังงาน รวมถึงสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง
  • เมโสสตาบิล (Mesostabyl) ลดการเกิดเซลล์ไขมันใหม่และคอเลสเตอรอลในชั้นเนื้อเยื่อ
  • ไทโรซีน (Tyrosine) เร่งการเผาผลาญไขมันของร่างกายให้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
  • สารสกัดอาร์ติโชค (Artichoke extract) ลดการสร้างกรดไขมันและระดับไขมันแบบเฉพาะจุด
นอกจากยาทั้งสี่ตัวนี้ แพทย์ในบางสถานพยาบาลยังนิยมใช้ยากลุ่มอื่นๆ เช่น ยาฟอสฟาทิดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) สารดีออกซีโคเลท (Deoxycholate) ยาเด็กซ์แพนทีนอล (Dexpanthenol) ซึ่งสกัดมาจากสารอาหารที่มีประโยชน์ในไข่แดงและถั่วเหลือง รวมถึงวิตามินอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันได้แบบเฉพาะจุด ในการฉีดเมโสแฟตให้กับผู้เข้ารับบริการด้วย และยังเห็นผลลัพธ์ได้ชัด มีความปลอดภัยสูง
 
หลังจากฉีดเมโสแฟตไปยังบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินเรียบร้อยแล้ว โครงสร้างผิวบริเวณดังกล่าวก็ค่อยๆ ลดขนาดลง ดูเรียวกระชับมากขึ้น รวมถึงระบบเผาผลาญไขมันภายในร่างกายก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยบริเวณที่ผู้เข้ารับบริการนิยมฉีดเมโสแฟตมากที่สุดจะเป็นบริเวณแก้มและเหนียง เพื่อให้กรอบหน้าดูเรียวเล็ก นอกจากนี้ยังนิยมฉีดบริเวณอื่นๆ ของร่างกายด้วย เช่น
  • ต้นแขน
  • หน้าท้อง
  • ต้นขา
  • น่อง
  • สะโพก

ฉีดเมโสแฟตแล้ว ไขมันส่วนเกินหายไปไหน?

เมื่อสารยาเมโสแฟตเข้าไปจับไขมันส่วนเกินภายในร่างกายเรียบร้อยแล้ว ไขมันจะละลายและถูกขับออกไขมันตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เช่น ปัสสาวะ อุจาระ หรือเหงื่อ

ความแตกต่างของการฉีดเมโสแฟต เทียบกับการสลายไขมันด้วยวิธีอื่นๆ

นอกจากการฉีดเมโสแฟต ยังมีนวัตกรรมและวิธีการสลายไขมันอื่นๆ ที่ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของการฉีดเมโสแฟตอีก เช่น
  • การทำเทอร์มาจ (Thermage) เป็นเทคโนโลยีการยิงพลังงานคลื่นวิทยุ (High Radio Frequency) ลงไปชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อสลายเซลล์ไขมันส่วนเกินและแก้ปัญหาความหย่อนยานของผิว ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับขึ้น และยังช่วยลบริ้วรอยแห่งวัยที่หย่อนคล้อยให้เลือนจางลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น บริเวณหน้าผาก หางคิ้ว ใต้ตา
  • การทำไฮฟู่ (HIFU) เป็นเทคโนโลยีการยิงพลังงานยื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อลดชั้นไขมันส่วนเกิน พร้อมเสริมโครงสร้างคอลลาเจนผิวให้ยืดหยุ่นและแข็งแรงอีกครั้ง จึงทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย ไม่เรียวสวยกลับมาเต่งตึง มีสัดส่วนเล็ก และกระชับขึ้น โดยเครื่องทำไฮฟู่ที่ได้รับความนิยมจนมีชื่อเสียงติดหูในท้องตลาดจะแบ่งเป็น 2 เครื่อง คือ เครื่องอัลตราฟอร์เมอร์ (Ultraformer III) และเครื่องอัลเทอร์รา (Ulthera)
  • การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการฉีดสารที่มีชื่อเต็มว่า “สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum Toxin Type A) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยกกระชับผิวให้ตึงและมีกรอบใบหน้าชัดขึ้น รวมถึงลดขนาดของริ้วรอยแห่งวัย หรือผิวส่วนที่หย่อนคล้อยให้เล็กลง เป็นอีกการทำหัตถการโดยใช้เข็มฉีดยาที่ได้รับความนิยมไม่แพ้การฉีดเมโสแฟต และยังช่วยลดอาการเหงื่อออกผิดปกติตามร่างกายได้เช่นกัน
ในส่วนของความแตกต่างระหว่างการฉีดเมโสแฟตกับการทำหัตถการอื่นๆ เพื่อการลดสัดส่วนไขมันส่วนเกิน การฉีดเมโสแฟตจะเป็นวิธีใช้ “สารยา” เพื่อเร่งกระบวนการต่างๆ ของร่างกายให้นำไขมันส่วนเกินออกไปให้ได้มากที่สุด ในขณะที่วิธีกำจัดไขมันแบบอื่นๆ จะมีกลไกการกำจัดไขมันที่ต่างออกไป โดยแจกแจงได้ดังนี้
  • การทำเทอร์มาจและการทำไฮฟู่ ใช้วิธีการยิงพลังงานจากเครื่องลงไปใต้ผิวเพื่อสลายเซลล์ไขมันส่วนเกิน แต่เทอร์มาจจะมีจุดเด่นเพิ่มเติมในส่วนของการลบเลือนริ้วรอยแห่งวัยได้ และมีก้อนพลังงานที่ยิงลงไปใหญ่กว่าการทำไฮฟู่ รวมถึงเห็นผลลัพธ์ได้นานถึง 1-2 ปีเลยทีเดียว แต่ก็มีจุดด้อยในส่วนของความเจ็บและค่าใช้จ่าย โดยการทำเทอร์มาจจะมีราคาสูงกว่าและเจ็บกว่า เมื่อเทียบกับการทำไฮฟู่ที่ราคาจะย่อมเยาลงมาและไม่รู้สึกเจ็บมาก
  • การฉีดโบท็อกซ์ กลไกการทำงานของสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ จะอยู่ที่การกระชับกล้ามเนื้อผิวให้หดเล็กลงมากกว่าการสลายไขมัน ดังนั้นวิธีนี้จึงอาจไม่ช่วยลดสัดส่วนไขมันให้น้อยลงได้ แต่จะช่วยยกกระชับผิวให้ตึงและดูเรียวสวยขึ้นมากกว่า

ฉีดเมโสแฟตควบคู่กับฉีดโบท็อกซ์ได้หรือไม่?

สามารถทำได้ และยังช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดขึ้นในบางจุดของร่างกายด้วย เพราะการฉีดโบท็อกซ์มีกลไกการยกกระชับผิวผ่านการลดขนาดกล้ามเนื้อ ในขณะที่การฉีดเมโสแฟตจะเป็นการลดเซลล์ไขมันส่วนเกิน ซึ่งหากทำควบคู่กัน ก็ยิ่งช่วยลดขนาดสัดส่วนที่ผู้เข้ารับบริการอยากได้แก้ไขได้อย่างเห็นผลมากขึ้นไปอีก

ฉีดกี่วันจึงจะเห็นผล? ต้องฉีดบ่อยหรือไม่? และอยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยปกติผู้เข้ารับจะสามารถเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีดเมโสแฟตไปแล้วตั้งแต่ภายใน 1-2 สัปดาห์แรกหลังรับบริการ แต่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดที่สุดเมื่อครบ 1 เดือน และจะอยู่ได้นานประมาณ 3 เดือน
ส่วนความถี่ในการฉีดเมโสแฟตจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านในการคงความต่อเนื่องของผลลัพธ์เอาไว้ รวมถึงตามคำแนะนำของแพทย์ในการลดขนาดสัดส่วนที่จะแตกต่างกันไปในแต่บุคคลด้วย

ฉีดเมโสแฟตได้ตั้งแต่อายุเท่าไร? เจ็บหรือไม่?

ผู้ที่ต้องการฉีดเมโสแฟตต้องมีอายุ 20 ขึ้นไปเท่านั้น และเนื่องจากเป็นการทำหัตถการที่ใช้เข็มฉีดยา จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บได้ แต่มักอยู่ในระดับที่ทนได้เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีน และอาจมีอาการผิวบวมแดงได้ในช่วง 1-2 วันแรก หลังจากนั้นอาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
อย่างไรก็ตาม ที่กังนัมคลินิกจะมีการประคบน้ำแข็งเพื่อให้เกิดความรู้สึกชาชั่วขณะก่อนเริ่มการฉีดเมโสแฟต เพื่อป้องกันอาการเจ็บที่ผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจเป็นกังวล

ใครเหมาะกับการฉีดเมโสแฟต?

ผู้ที่เหมาะกับการลดไขมันด้วยการฉีดเมโสแฟต ได้แก่
  • ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินและอยากกำจะจัดออกเฉพาะจุด
  • ผู้ที่ออกกำลังกายมาอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่สัดส่วนไขมันตามร่างกายและใบหน้ายังไม่ลดลง
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างเร่งด่วน และมีงบประมาณไม่สูงนัก
  • ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนไขมันโดยไม่ใช้การผ่าตัดและกังวลเรื่องความเจ็บ

ข้อควรระวังในการไปรับบริการฉีดเมโสแฟต

เนื่องจากการฉีดเมโสแฟตเป็นการทำหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน จึงมีสถานพยาบาลหลายแห่งนำเข้าสารเมโสแฟตปลอมซึ่งมีราคาถูกและไม่ได้มาตรฐานมาใช้ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่ต้องการฉีดเมโสแฟตหรือต้องการสลายไขมันในราคาย่อมเยา ซึ่งสารเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้เข้ารับบริการได้อย่างมหาศาล
 
ผู้เข้ารับบริการทุกท่านจึงต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานและชื่อเสียงของสถานพยาบาลที่ต้องการไปใช้บริการให้แน่ใจเสียก่อน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาใช้สารเมโสแฟตที่ไม่มีคุณภาพในภายหลัง

ขั้นตอนการฉีดเมโสแฟต

กระบวนการฉีดเมโสแฟตเพื่อลดไขมันส่วนเกินมักมีขั้นตอนโดยหลักๆ ดังต่อไปนี้
  • ผู้เข้ารับบริการพบ
  • แพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาไขมันส่วนเกินและปัญหาผิวที่อยากยกกระชับกับแพทย์แพทย์ประเมินยี่ห้อ ปริมาณ และอาจรวมถึงจำนวนครั้งในการมาฉีดเมโสแฟตให้เห็นผลตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
  • เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนการกำจัดไขมันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาผู้เข้ารับบริการไปทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดเมโสแฟต และมีการประคบน้ำแข็งเพื่อให้เกิดความรู้สึกชาชั่วขณะ
  • หลังจากนั้นแพทย์จะเริ่มฉีดเมโสแฟตให้ตามปริมาณที่เหมาะสม โดยส่วนมากมักใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที

การดูแลตนเองหลังรับบริการ เพื่อให้เห็นผลของการกำจัดไขมันมากขึ้น

ผู้เข้ารับบริการควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อลดโอกาสเสื่อมตัวของสารยาเมโสแฟต รวมถึงควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเร่งการขับไขมันออกจากร่างกาย
 
นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น การอบซาวน่า การแช่น้ำร้อน การทำทรีตเมนต์หรือนวดตัว เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อลดโอกาสเกิดปัญหาฟกช้ำที่ผิว และหากมีอาการแพ้หรือรู้สึกผิดปกติใดๆ ให้ติดต่อแพทย์โดยทันที
 
ส่วนการดูแลตนเองเพิ่มเติม ผู้เข้ารับบริการควรหมั่นออกกำลังกายเบาๆ เพื่อกระตุ้นความกระชับของผิวส่วนที่ฉีดเมโสแฟต ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูงหรือมีน้ำตาลสูง เพื่อลดโอกาสเกิดเซลล์ไขมันใหม่ และควรพักผ่อนให้เพียงพอทุกคืน เพื่อให้ระบบเผาผลาญและระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายซึ่งมีส่วนช่วยกำจัดไขมันทำงานได้อย่างเต็มที่